Google ประกาศไม่ยกเลิก Third-Party Cookies ใน Chrome
23 ก.ค. 2567
เมื่อวันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ทาง Google บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งตลาดเบราว์เซอร์ทั่วโลกด้วย Chrome ได้ประกาศการตัดสินใจครั้งสำคัญเกี่ยวกับการใช้งาน third-party cookies ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งานออนไลน์ บริษัทระบุว่าจะไม่ดำเนินการยกเลิก third-party cookies ตามแผนเดิมที่เคยประกาศไว้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับวงการเทคโนโลยีและโฆษณาดิจิทัล
ความเป็นมาของแผนการยกเลิก Third-Party Cookies
แผนการยกเลิก third-party cookies นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Privacy Sandbox ของ Google ที่เริ่มต้นในปี 2019 โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานออนไลน์ โดย Google เคยประกาศว่าจะเริ่มลดการใช้งาน third-party cookies ในปี 2022 และยกเลิกการใช้งานทั้งหมดภายในปี 2023 อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เลื่อนกำหนดการดังกล่าวออกไปหลายครั้ง จนกระทั่งล่าสุดได้ประกาศว่าจะไม่ยกเลิกการใช้งาน third-party cookies อย่างสิ้นเชิง
เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจ
Google ให้เหตุผลว่าการตัดสินใจนี้เป็นผลมาจากการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลและพันธมิตรในอุตสาหกรรม บริษัทยืนยันว่ายังคงมุ่งมั่นที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ต้องการหาวิธีที่สมดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวและความต้องการของอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัล นอกจากนี้ Google ยังระบุว่าได้รับความกังวลจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจขนาดเล็กและการแข่งขันในตลาดโฆษณาออนไลน์
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัล
การตัดสินใจนี้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อวงการโฆษณาออนไลน์ เนื่องจาก third-party cookies เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้และการกำหนดเป้าหมายโฆษณา บริษัทโฆษณาและนักการตลาดดิจิทัลจำนวนมากได้เตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ โดยพัฒนาเทคโนโลยีและกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อรองรับการยกเลิก third-party cookies การประกาศของ Google ทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องปรับแผนการดำเนินงานอีกครั้ง
ความท้าทายด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
ในขณะที่อุตสาหกรรมโฆษณาอาจโล่งใจกับการตัดสินใจของ Google แต่นักเคลื่อนไหวด้านความเป็นส่วนตัวและผู้ใช้งานบางส่วนแสดงความผิดหวัง พวกเขามองว่าการใช้งาน third-party cookies เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและสิทธิของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต การที่ Google ไม่ยกเลิกการใช้งานอาจทำให้ผู้ใช้ยังคงถูกติดตามพฤติกรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
แนวทางในอนาคต
Google ยืนยันว่าจะยังคงพัฒนาเทคโนโลยีทางเลือกที่ช่วยรักษาสมดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวและประสิทธิภาพของโฆษณา บริษัทกล่าวว่าจะทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อพัฒนาแนวทางที่ดีขึ้นในการปกป้องข้อมูลผู้ใช้ในอนาคต ซึ่งอาจรวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Federated Learning of Cohorts (FLoC) หรือ Topics API ที่ Google เคยนำเสนอเป็นทางเลือกทดแทน third-party cookies และ Google ยังประกาศว่าจะให้ผู้ใช้สามารถกำหนดเองได้ว่าจะเข้าเว็บไซต์นั้นๆ ด้วยการปิดกั้น Third-Party Cookies หรือไม่
(image: blog.google)
บทสรุปและมุมมองต่ออนาคต
การประกาศของ Google แสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างสมดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และความต้องการของอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัล ในขณะที่บางคนมองว่าเป็นการถอยหลังในด้านความเป็นส่วนตัว แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นโอกาสในการพัฒนาแนวทางใหม่ๆ ที่อาจสร้างสมดุลได้ดีกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงในวงการเทคโนโลยีและการโฆษณาต่อไป โดยเฉพาะในยุคที่ผู้ใช้งานมีความตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกเริ่มออกกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้มงวดขึ้น
ในท้ายที่สุด การตัดสินใจของ Google ครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบนิเวศโฆษณาดิจิทัลรูปแบบใหม่ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกฝ่ายได้อย่างสมดุลมากขึ้น ทั้งผู้ใช้งาน นักโฆษณา และเจ้าของแพลตฟอร์มออนไลน์
—
ทางเลือกสำหรับผู้ใช้และเจ้าของเว็บไซต์: บทบาทของ Cookies Consent Management Platform
ในขณะที่การถกเถียงเรื่อง third-party cookies ยังคงดำเนินต่อไป ผู้ใช้งานและเจ้าของเว็บไซต์ยังมีทางเลือกในการจัดการความเป็นส่วนตัวและการใช้งานคุกกี้ด้วยตนเอง หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมคือ Cookies Consent Management Platform เช่น CookiePlus (www.cookieplus.com)
CookiePlus เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถจัดการการยินยอมใช้คุกกี้จากผู้เข้าชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายของ Google หรือเบราว์เซอร์อื่นๆ การใช้งานแพลตฟอร์มเช่นนี้มีข้อดีหลายประการ:
การปฏิบัติตามกฎหมาย: CookiePlus ช่วยให้เว็บไซต์ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น GDPR หรือ PDPA โดยการขอความยินยอมจากผู้ใช้ก่อนการใช้งานคุกกี้
ความโปร่งใส: ผู้ใช้งานสามารถเห็นและควบคุมว่าคุกกี้ประเภทใดที่พวกเขาต้องการยอมรับหรือปฏิเสธ ซึ่งเพิ่มความโปร่งใสในการใช้งานข้อมูล
ความยืดหยุ่น: เจ้าของเว็บไซต์สามารถปรับแต่งการแสดงผลและการทำงานของระบบขอความยินยอมให้เข้ากับดีไซน์และนโยบายของเว็บไซต์ได้
การรักษาสมดุล: ช่วยรักษาสมดุลระหว่างความต้องการของผู้โฆษณาและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยยังคงให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์และการตลาด แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้
การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง: ไม่ว่า Google หรือเบราว์เซอร์อื่นๆ จะมีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับ third-party cookies เว็บไซต์ที่ใช้ CookiePlus จะยังคงสามารถจัดการการยินยอมและการใช้งานคุกกี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากคุณสมบัติที่กล่าวมาแล้ว CookiePlus ยังรองรับ Google Consent Mode v2 ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์สามารถปรับการทำงานของเครื่องมือต่างๆ ของ Google ให้สอดคล้องกับการให้ความยินยอมของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
(อ่านเพิ่มเติม: Google Consent Mode v2 การอัพเดตใหม่จาก Google)
แม้ว่า Google จะยังไม่ยกเลิก third-party cookies ในตอนนี้ แต่การใช้งาน Cookies Consent Management Platform อย่าง CookiePlus ยังคงมีความสำคัญ เนื่องจากช่วยให้เว็บไซต์สามารถปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเสริมสร้างความไว้วางใจกับผู้ใช้งาน นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Google หรือการออกกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่
ในท้ายที่สุด การใช้งานเครื่องมือเช่น CookiePlus ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ยังช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์และนักการตลาดสามารถดำเนินกิจกรรมออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในยุคดิจิทัลที่ความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใสกลายเป็นประเด็นสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
ข้อมูล: https://privacysandbox.com/intl/en_us/news/privacy-sandbox-update/
Google ประกาศไม่ยกเลิก Third-Party Cookies ใน Chrome: ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
ทำให้การใช้คุกกี้และความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์ของคุณเป็นไปตามข้อกำหนดตั้งแต่วันนี้
เริ่มต้นใช้งานฟรี